The Brand Election การเลือกตั้งของแบรนด์ เมื่อถึงเทศกาลการเลือกตั้งทีไร แบรนด์ต่างๆ จะเลือกใช้โอกาสนี้นำเสนอแคมเปญของตัวเองเข้ากับกระแสเลือกตั้ง ด้วยการเอาสินค้าและบริการที่มีอยู่ไปเชื่อมโยงเพื่อนำเสนอให้เข้าถึงคนหมู่มากได้มากยิ่งขึ้น
‘บาร์บีคิว พลาซ่า’ เป็นแบรนด์ที่ใช้โอกาสนี้ได้อย่างสร้างสรรค์ หยิบเอาบุฟเฟ่ต์ หรือที่ร้านเรียกว่า ‘รีฟิลล์’ ในปีก่อนๆ และ ‘Gon Gang อิ่มไม่อั้น’ จากปีล่าสุดที่เป็นสินค้ายอดนิยมมาอย่างยาวนาน โดยมักจะเป็นแคมเปญการตลาดที่จัดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ทางบาร์บีคิว พลาซ่าจึงใช้โอกาสนี้เชิญชวนให้คนออกมาเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร (วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม 2022) ให้ถึง 2 ล้านคนแล้วจะนำบุฟเฟ่ต์กลับมาอีกครั้ง ผลของแคมเปญนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ ทั้งในแง่ของผู้ออกมาใช้สิทธิที่มีคนออกมาใช้สิทธิกว่า 2.6 ล้านคน (จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในกรุงเทพฯประมาณ 4.4 ล้านคน) และชื่อเสียงของร้านก็โด่งดังขึ้นทันที เพราะลูกค้าที่ติดตามช่องทางโซเชียลของร้านก็ไม่รอช้าที่จะทวงถามถึงบุฟเฟ่ต์ สุดท้าย แบรนด์จึงถือโอกาสนี้หลังจากวันนับคะแนน เปิดโหวตช่วงเวลาที่จะจัดบุฟเฟ่ต์ต่อเนื่องไปอีก ซึ่งต้องถือว่า ‘บาร์บีคิวพลาซ่า’ เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่พาตัวเองมาอยู่ในกระแสได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการ collab กับแบรนด์ที่อยู่ในคนละอุตสาหกรรม เช่น Cutepress แสนสิริ ห่านคู่ โรลเลอร์โคสเตอร์ อาฟเตอร์ยู ฯลฯ อยู่บ่อยครั้งในช่วงเวลาที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ทาง ‘บาร์บีคิว พลาซ่า’ ยังมีการอัปเดตความคืบหน้าของบุฟเฟ่ต์ที่กำลังจะกลับมา ช่วยให้ลูกค้าได้เกาะติดคำมั่นสัญญาและรักษาลูกค้า ผู้ที่เฝ้ารอคอยอยากจะไปใช้บริการได้เป็นอย่างดี
นอกจากในประเทศไทยแล้ว ในต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นอเมริกาหรือยุโรป ประเทศอื่นๆ ก็เห็นว่าช่วงเลือกตั้งก็เป็นโอกาสของแบรนด์ไม่แพ้กัน อย่างในคอสตาริกาก็เคยมีแบรนด์ไอศครีมวางจำหน่ายไอศครีมแท่งสองสีเพื่อเป็นตัวแทนของการ(แอบ)ทำโพลแบบถูกกฎหมาย โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ถึงขั้นที่ว่าประธาธิบดีคนปัจจุบัน(ในขณะนั้น)แวะมาซื้อไอศครีมแท่งสีของพรรคตัวเองกินออกทีวีโชว์เลย
และเมื่อพูดถึงการเลือกตั้งหรือการโหวต Burger King ในประเทศฝรั่งเศส ก็เคยจัดการ ‘เลือกตั้งเมนูในร้าน’ ในช่วง 2 กันยายน ถึง 6 ตุลาคม 2019 โดยเป็นการขับเคี่ยวกันของ 8 เมนูเบอร์เกอร์ยอดนิยมของร้าน โดยใช้ชื่อแคมเปญว่า Democratic Burger: the first €2 democratically elected burger เมนูทั้ง 8 จะถูกตั้งราคาขายเท่ากันที่ 2 ยูโร และให้ลูกค้าเป็นผู้ตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงอย่างมากในโลกโซเชียล
แน่นอนว่าเมื่อถึงเทศกาลใดก็แล้วแต่ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเทศกาลเลือกตั้งเท่านั้น แบรนด์ต่างๆ ที่ไม่ได้มีผู้สนับสนุนหรือสปอนเซอร์ก็สามารถหยิบฉวยโอกาสเทรนด์ หรือมักเรียกกันว่า Hijack Marketing ในการแอบแฝงตัวเข้าไปให้อยู่ในสายตาของลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแนบเนียน โดยที่อาจจะไม่ต้องลงทุนด้วยเม็ดเงินหลายแสนหลายล้านบาทแต่อย่างใด ขอเพียงเข้าใจและรู้ความหมายของกระแสดังกล่าวให้ชัดเจน กรณีศึกษาเหล่านี้ก็จะถือเป็นตัวอย่างที่ดีให้แบรนด์ต่างๆ นำไปปรับใช้ทำการตลาดที่น่าสนใจ สร้างสรรค์และสร้างความฮือฮาในหมู่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี